ทำความรู้จักไพ่
ไพ่เป็นกระดาษที่มีเครื่องหมายลวดลายและแต้มกำกับ โดยปกติจะใช้เป็นส่วนหนึ่งของการเล่นเกมไพ่ เรียกกันเป็นสำรับ ใน 1 สำรับ จะมีไพ่ทั้งหมด 52 ใบ แบ่งออกเป็น 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, J, Q, K, A ทั้งหมด 4 ชุด ตามดอกไพ่โพธิ์ดำ, โพธิ์แดง, ข้ามหลามตัด และดอกจิก นอกจากนี้ยังมีการนำไปใช้ในการแสดงมายากล, ทำนายดวงชะตา และแข่งวัดความจำกันได้อีกด้วย แล้วแต่ว่าผู้ใช้จะเลือกจุดประสงค์ใด
ประวัติความเป็นมา
ต้นกำเนิดของไพ่ว่ากันว่าเกิดขึ้นที่จีน, อินเดีย และเปอร์เซีย ก่อนจะแพร่กระจายไปยังยุโรปผ่านเส้นทางการค้า โดยมีบันทึกหลักฐานชัดเจนภึงต้นกำเนิดไพ่ในสวิตเซอร์แลนด์ ช่วงปี 1377 อันหมายความว่ามนุษย์เริ่มรู้จักการสร้างและเล่นเกมส์ไพ่มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึงขนาดที่ต้องมีคำสั่งจากกษัตริย์และศาสนจักรยุโรปให้บังคับควบคุมการเล่นไพ่ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนหมกมุ่นมากจนเกินไป
เกมไพ่ในปัจจุบัน
แม้ในอดีตไพ่จะเป็นเรื่องต้องห้ามในบางยุคบางสมัย แต่สำหรับในยุคปัจจุบันเกมไพ่กลับกลายเป็นเรื่องที่เสรีสำหรับนักเสี่ยงโชคทุกคนทั่วโลก เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดให้ไพ่เป็นสิ่งที่ผิด ดังนั้นเราจะสามารถพบเห็นเกมไพ่ออนไลน์หลากหลายรูปแบบเปิดให้บริการ ไล่ตั้งแต่บาคาร่า, เสือมังกร, ป๊อกเด้ง, ไพ่แคง, แบล็คแจ๊ค, โป๊กเกอร์, เก้าเก, ดัมมี่ ไปจนถึงไพ่ 13 ใบ เรียกว่ามีให้เลือกกันมากมายทีเดียว
ไพ่แคง
ประวัติความเป็นมาของเกมไพ่แคงไม่มีหลักฐานปรากฎแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าเริ่มแพร่หลายและได้รับความนิยมในภาคใต้ของประเทศไทย ตามชื่อเรียกของ “ไพ่แคง” ที่เป็นภาษาถิ่นของภาคใต้ ขณะเดียวกันบางพื้นที่ก็จะเรียกไพ่ไหล, ไพ่เรือล่ม หรือแคงล่ม ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นอย่าง บัดนี้เกมไพ่ออนไลน์ชนิดนี้จึงไม่ได้หยุดอยู่แค่ภาคใต้เท่านั้น แต่กลายเป็นเกมส์ไพ่ทำเงินใหม่ของนักเสี่ยงโชคทั่วเอเชีย
กฎกติกาการเล่น
ตามปกติแล้วเกมไพ่แคงจะใช้ผู้เล่นจำนวน 4 คน แต่ละคนจะได้รับไพ่คนละ 5 ใบ ยกเว้นคนแรกที่จะได้รับ 6 ใบ เพราะจะต้องเป็นคนทิ้งไพ่ใบแรก หน้าที่ของผู้เล่นคนถัด ๆ ไปคือการทิ้งไพ่ที่เหมือนกันลงมา หากไม่มีให้ทำการจั่วไพ่ 1 ใบ แล้วทิ้งไพ่ที่ไม่ต้องการไปเรื่อย ๆ ผู้ใดที่รู้สึกว่าตัวเองเหลือแต้มในมือน้อยกว่าใคร สามารถที่จะเรียกแคงเพื่อวัดแต้มกับทุกคนในกองได้ ใครแต้มน้อยถือว่าชนะ แต่หากแคงแล้วแพ้ต้องเสียรอบวง
กฎการนับแต้ม
การนับแต้มของเกมไพ่แคงจะไม่แตกต่างจากเกมไพ่ออนไลน์ที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว นั่นคือ A จะมีค่าน้อยที่สุด ที่เหลือเรียงลำดับตั้งแต่ 2 < 3 < 4 < 5 < 6 < 7 < 8 < 9 < 10 ส่วนไพ่สีอย่าง J, Q และ K มีค่าเท่ากับ 10 แต้ม วิธีการชนะก็อย่างที่เราบอกไปว่าใครมีแต้มไพ่ในมือน้อยที่สุดนั่นเอง หากแต้มเท่ากันให้วัดกันที่ดอกไพ่ ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณสามารถน็อกมืดได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กรณี คือ…
- เมื่อไพ่ทั้ง 5 ใบ มีตองอยู่
- เมื่อไพ่ทั้ง 5 ใบ มีดอกเดียวกัน
- เมื่อไพ่ทั้ง 5 ใบ เป็นไพ่สีหรือไพ่ 10 ทั้งหมด
การจ่ายไหลถือเป็นอีกเรื่องที่ต้องระวังในเกมเป็นเทคนิคเกมไพ่แคงเช่นกัน เพราะในการเล่นไพ่แคงผู้เล่นต้องทิ้งไพ่ทุกรอบ เท่ากับเปิดโอกาสในมือต่อจากเราสามารถทิ้งไพ่เหมือนกันต่อได้เลยทันที หมายความว่ายิ่งทิ้งไพ่ไหลไปมากเท่าไร คู่แข่งก็ยิ่งเหลือไพ่ในมือน้อยเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถไหลได้เรื่อย ๆ รอบวง และต้องเสียเงินให้คู่แข่ง 1 เท่า แถมหากปล่อยให้ไหลหมดมือในคราวเดียว จะต้องเสียเงินมากถึง 5 เท่า
ไพ่ป๊อกเด้ง
ป๊อกเด้ง เป็นเกมส์ไพ่ที่ไม่ทราบประวัติความเป็นมาแน่ชัด แต่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปมานานนมในสังคมไทย คาดกันว่าจะเป็นเกมที่สืบทอดหรือพัฒนามาจากประเทศจีน เหมือนกับเกมไพ่ออนไลน์หลากหลายชนิดก่อนหน้านี้ ก่อนจะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากรู้ผลแพ้ชนะรวดเร็ว และเล่นได้แทบจะไม่จำกัดจำนวน โดยทั่วไปจะกำหนดเอาไว้ที่ 2-8 คน แต่สามารถเล่นได้สูงสุดมากถึง 16 คน
กฎกติกาการเล่น
ป๊อกเด้ง เป็นเกมไพ่ที่มีกฎกติกาการเล่นคล้ายคลึงกับบาคาร่า หรือจะพูดว่าบาคาร่าพัฒนามาจากป๊อกเด้งก็ได้ เพราะวัดผลแพ้ชนะด้วยการนับใครที่มีแต้มใกล้เคียง 9 หรือมากกว่าเจ้ามือเท่านั้น โดยผู้เล่นทุกคนจะต้องวางเดิมพันวัดกับเจ้ามือ พร้อมได้รับไพ่คนละ 2 ใบ และมีสิทธิที่จะจั่วไพ่เพิ่มได้อีก 1 ใบ ซึ่งนอกจากการทำแต้มให้ได้ใกล้เคียง 9 แล้ว ยังมีมือพิเศษที่จะได้รับเงินเดิมพันหลายเท่าตัวด้วย
กฎการนับแต้ม
วิธีการนับแต้มในเกมไพ่ป๊อกเด้ง ตามปกติแล้วจะได้รับเงินเดิมพันทันทีที่มีแต้มมากกว่าเจ้ามือ หรือได้ 8 กับ 9 เรียกว่าป๊อกแปดกับป๊อกเก้า นอกจากนี้ยังมีมือพิเศษที่สามารถรับเงินเดิมพันได้หลายเท่าด้วย อาทิเช่นไพ่เด้ง, ไพ่ตอง, ไพ่เรียง และไพ่เซียน เป็นต้น ซึ่งการจ่ายเงินจะใช้กฎเดียวกันทั้งเจ้ามือและผู้เล่น ถือเป็นเกมที่เรียบง่ายใช้เวลาทำความเข้าใจไม่นาน อีกทั้งยังสนุกสนานมากด้วย